หลายคนที่เริ่มเปิดร้านใหม่ หรือเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ อาจเคยได้ยินคำว่า “ภาษีป้าย” ผ่านหูมาบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร ใครต้องจ่าย? ต้องจ่ายเมื่อไหร่? หรือจะโดนปรับไหมถ้าไม่รู้?
ความจริงแล้ว ภาษีป้าย เป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับเจ้าของร้านทุกประเภท ตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ไปจนถึงออฟฟิศ บริษัท หรือแม้แต่คลินิกต่าง ๆ ที่มีการติดป้ายชื่อ ป้ายโฆษณา หรือป้ายแสดงกิจการ
ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ “ภาษีป้าย” แบบเจาะลึกแต่เข้าใจง่าย ให้คุณรู้ทันกฎหมาย ไม่พลาดหน้าที่พลเมือง พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณจัดการเรื่องภาษีได้อย่างมืออาชีพ
ภาษีป้ายคืออะไร?
ภาษีป้าย คือภาษีท้องถิ่นที่จัดเก็บโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น สำนักงานเขต หรือ เทศบาล โดยผู้ที่มี “ป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ประกอบการค้า หรือกิจการอื่น” จะต้องเสียภาษีป้ายตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 (และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม)
พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าคุณติดป้ายหน้าร้าน ไม่ว่าจะเป็นชื่อร้าน โลโก้ โฆษณา หรือบอกว่าคุณขายอะไร คุณอาจต้องจ่ายภาษีป้ายตามกฎหมาย
ใครที่ต้องเสียภาษีป้าย?
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ได้แก่ “เจ้าของป้าย” ซึ่งรวมถึง:
- เจ้าของร้าน/เจ้าของกิจการ
- ผู้ครอบครองหรือผู้ใช้ประโยชน์จากป้าย
- ผู้เช่าพื้นที่ที่มีป้ายของตนเอง
- แม้แต่บริษัทที่เช่าพื้นที่ป้ายโฆษณาก็อาจต้องเสียภาษีเช่นกัน
❗ หมายเหตุ:
- ป้ายที่ติดในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่น ก็ยังต้องเสียภาษี
- ป้ายบนรถที่ใช้วิ่งตามถนน หากแสดงชื่อธุรกิจ ก็อาจต้องเสียภาษีป้ายด้วยเช่นกัน
ป้ายแบบไหนบ้างที่ต้องเสียภาษี?
โดยทั่วไป ป้ายที่ต้องเสียภาษีจะต้อง มีข้อความ/สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการค้า หรือ กิจการ ไม่ว่าจะมีไฟส่องสว่างหรือไม่ก็ตาม เช่น:
- ป้ายชื่อร้าน, ชื่อบริษัท
- ป้ายโลโก้ธุรกิจ
- ป้ายโปรโมชั่นหรือโฆษณาสินค้า
- ป้ายติดบนกระจกหรือหน้าร้าน
แม้จะเป็นป้ายติดภายในร้าน แต่หากลูกค้ามองเห็นจากภายนอก ก็มีโอกาสถูกจัดเก็บภาษีเช่นกัน
ป้ายที่ได้รับการยกเว้นภาษี
ใช่ว่าทุกป้ายจะต้องเสียภาษี มีบางประเภทที่ ได้รับการยกเว้นภาษีป้าย เช่น:
- ป้ายที่มีเฉพาะชื่อและนามสกุลของเจ้าของ โดยไม่มีการแสดงลักษณะของกิจการ เช่น “นายสมชาย ใจดี”
- ป้ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ วัด โรงเรียน หน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
- ป้ายที่ใช้ชั่วคราว เช่น ป้ายแสดงความยินดี ป้ายไว้อาลัย (ติดไม่นานและไม่ได้ใช้ในทางการค้า)
อัตราการจัดเก็บภาษีป้าย คิดยังไง?
ภาษีป้ายจะคิดตาม ขนาดของป้าย (ตารางเซนติเมตร) และ ประเภทของข้อความบนป้าย โดยแบ่งอัตราออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่:
📌 1. ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน
- อัตราภาษี: 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
📌 2. ป้ายที่มีอักษรไทยและต่างประเทศ หรือภาพ/สัญลักษณ์อื่นประกอบ
- อัตราภาษี: 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
📌 3. ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยเลย
- อัตราภาษี: 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
🧮 ตัวอย่างการคำนวณภาษีป้าย:
ถ้าคุณมีป้ายขนาด 100 ซม. x 50 ซม. = 5,000 ตารางเซนติเมตร
และเป็นป้ายที่มี อักษรไทย+โลโก้ภาษาอังกฤษ
จะเสียภาษี:
(5,000 ÷ 500) x 20 = 200 บาทต่อปี
ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย
📋 เอกสารที่ใช้:
- แบบ ภ.ป.1 – แบบแสดงรายการภาษีป้าย
- สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาใบจดทะเบียนนิติบุคคล (ถ้ามี)
- ภาพถ่ายของป้ายที่ติดตั้งจริง พร้อมขนาด
- หนังสือรับรองเจ้าของอาคาร/ที่ดิน (ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่)
🕘 ระยะเวลาในการยื่นแบบ:
- ต้องยื่นภายในเดือนมกราคม ของทุกปี
- หรือภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ติดตั้งป้ายใหม่
🧾 วิธีการชำระ:
- ยื่นแบบและชำระที่สำนักงานเขต/เทศบาลที่ร้านคุณตั้งอยู่
- ปัจจุบันบางพื้นที่เริ่มมีระบบ ออนไลน์ ให้ยื่นแบบผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันท้องถิ่น
ถ้าไม่ยื่นภาษีป้าย จะเกิดอะไรขึ้น?
หลายคนอาจมองข้ามเรื่องนี้เพราะคิดว่า “ป้ายเล็ก ๆ ไม่น่าจะต้องเสียภาษี” แต่จริง ๆ แล้วถ้าไม่ยื่นแบบหรือหลีกเลี่ยง อาจเกิดผลกระทบตามกฎหมาย เช่น:
- ถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท
- เสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม (คิดเป็น % ของภาษีที่ค้าง)
- หากพบว่าจงใจหลีกเลี่ยง อาจ ถูกฟ้องร้องทางแพ่ง
เคล็ดลับในการบริหารภาษีป้ายให้คุ้มค่า
💡 1. วางแผนขนาดและเนื้อหาบนป้าย
- ถ้าป้ายมีแต่ ชื่อภาษาไทย อาจช่วยลดภาษีได้
- หากใช้ โลโก้หรือชื่อแบรนด์ที่มีภาษาอังกฤษ พยายามลดพื้นที่ส่วนดังกล่าว
💡 2. ใช้ป้ายแบบถอดเก็บได้ (กรณีโปรโมชั่นชั่วคราว)
- ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษีหากใช้เพียงไม่กี่วัน
- ถ้าติดตั้งถาวร ค่อยดำเนินการยื่นแบบ
💡 3. รวบรวมข้อมูลล่วงหน้าทุกต้นปี
- ถ่ายรูปป้าย ขนาดป้าย และรายละเอียดอื่น ๆ ให้พร้อมก่อนเข้าไปยื่นแบบ
- ตรวจสอบแบบฟอร์มล่วงหน้าจากเว็บไซต์ของสำนักงานเขต
ภาษีป้ายกับการตลาด: โอกาสมากกว่าภาระ
แม้ภาษีป้ายจะดูเป็น “ภาระรายจ่าย” เล็ก ๆ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ป้ายก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่คุ้มค่ามาก เพราะสามารถ:
- เพิ่มความน่าเชื่อถือของร้าน
- ดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่าน
- สร้างการจดจำแบรนด์
การเสียภาษีอย่างถูกต้องยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ว่า คุณคือธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ และพร้อมเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
สรุป: ภาษีป้ายไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ภาษีป้ายเป็นเรื่องเล็กที่สำคัญมาก หากคุณเป็นเจ้าของร้าน เจ้าของกิจการ หรือแม้แต่ผู้รับเหมาติดตั้งป้าย ควรให้ความสำคัญกับภาษีนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
แค่เตรียมตัวให้พร้อม ยื่นแบบให้ถูกต้อง และเข้าใจหลักการเบื้องต้น คุณก็สามารถบริหารจัดการภาษีป้ายได้อย่างง่ายดาย และไม่ต้องเสี่ยงโดนปรับในอนาคต
PIM 24 โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร
โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล
สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj
หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย
081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale อีฟ)
081-247-3564 (Sale หมี่)
081-247-3565 (Sale ส้ม)